วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

การดูแลรักษาหินอ่อน

 

การดูแลรักษาหินอ่อน

แม้หินอ่อนจะเป็นหินที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตลอดจนสีสันและลวดลายของหินอ่อนที่สวยงาม จึงทำให้หินอ่อนยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงสำหรับนำมาตกแต่งภายในบ้าน หรือภายในอาคารต่างๆ แต่เมื่อนำหินอ่อนมาใช้งานในส่วนต่างๆ นั้นผู้ใช้หินอ่อนควรมีความรู้ทางด้านการดูแลรักษาหินอ่อนด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของหินอ่อนให้มีความสวยงามยาวนานมาก ขึ้น โดยก่อนที่จะทำการติดตั้งหินอ่อน จากบริษัทรับติดตั้งหินอ่อน ร้านรับปูพื้นหินอ่อน ควรมีการป้องกันการซึมผ่านของน้ำ ตั้งแต่พื้นปูนไปจนถึงเนื้อหินอ่อนเอง เพื่อช่วยลดการซึมของน้ำซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันซึมนั้น ต้องเป็นชนิดที่ใช้กับหินอ่อนโดยเฉพาะ และควรทาน้ำยากันซึมทั้ง 6 ด้านของเนื้อหินอ่อน ทิ้งไว้อย่างน้อยประมาณ 1 วัน เพื่อให้น้ำยาอุดรูพรุนของเนื้อหินอ่อนและควรเลือกผลิตภัณฑ์กันซึมที่มี คุณสมบัติไม่ปิดหินอ่อนสนิทแบบ 100% ควรให้หินอ่อนมีการระเหยจากภายใต้หินอ่อนได้ ไม่เช่นนั้นแล้วผิวของหินอ่อนอาจเกิดปัญหาได้ในภายหลัง หลังจากที่มีการติดตั้งหินอ่อนเรียบร้อยแล้ว ควรหมั่นดูแลเอาใจใส่เป็นประจำอยู่เสมอ หากต้องการทำความสะอาดหินอ่อนควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหินอ่อนและ เคลือบเงาที่ใช้เฉพาะกับหินอ่อนเท่านั้น ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายจากแหล่งซื้อขายหินอ่อนทั่วไป เช่น ร้านขายหินอ่อน บริษัทจำหน่ายหินอ่อน ร้านขายหินอ่อนราคาถูก ร้านรับติดตั้งหินอ่อน ฯลฯ ซึ่งจะช่วยทำให้หินอ่อนคงความสวยงามตลอดเวลา โดยต้องคำนึงถึงข้อควรระวังสำหรับการดูแลพื้นหินอ่อน คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงาหินอ่อน ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก หรือน้ำยาขัดห้องน้ำ และน้ำยาล้างจานเพื่อใช้ทำความสะอาดหินอ่อน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรด เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันมะกอก เพราะอาจทำให้พื้นผิวของหินอ่อนด้านและเสื่อมสภาพไปในที่สุด หากมีการใช้งานหินอ่อนมาเป็นเวลานาน และเกิดปัญหาคราบสนิมเหล็ก ยางไม้ น้ำปูน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหินอ่อนโดยเฉพาะเพื่อขจัดคราบดังกล่าว หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคราบสกปรกออกแล้ว ควรลงน้ำยาขัดเงาหินอ่อนอีกครั้งซึ่งมีลักษณะเป็นแวกซ์ชนิดน้ำ หรือเลือกขอรับคำแนะนำจากแหล่งซื้อขายหินอ่อน และผู้ผลิตหินอ่อน ที่มีช่างผู้ชำนาญงานเกี่ยวกับหินอ่อนโดยเฉพาะ ที่จะคอยแนะนำผลิตภัณฑ์ในการดูแลรักษาหินอ่อนที่ให้สำหรับบ้านคุณ ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานแก่หินอ่อน และยังช่วยทำให้พื้นผิวหินอ่อนมีความเงางามยาวนานขึ้น ทำเช่นนี้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง เพียงเท่านี้พื้นหินอ่อนของคุณก็จะเงางามและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่ง ขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาของพื้นหินอ่อน


ปัญหาของพื้นหินอ่อน
หินอ่อนเมื่อมีระยะเวลาการใช้งานที่นาน มักพบปัญหาหินเปลี่ยนสีหรือมีการหลุดร่อน จึงมีแนวทางการแก้ปัญหาและสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไข
ปัญหา
- หินอ่อนที่ปูใหม่มักเดินแล้วพบว่าเกิดการสะดุด สาเหตุนั้นมาจากการปูที่ไม่เรียบ สามารถแก้ไขได้ด้วยการขัดเพื่อปรับระดับหน้าหินให้มีความเรียบและเสมอ หากมีมากให้รื้อถอนออกเพื่อปรับระดับใหม่
- หินอ่อนด้าน ไม่เงางามและมีรอยขีดข่วน สาเหตุเนื่องมาจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน หรืออาจเกิดในระหว่างการก่อสร้างที่ไม่ได้รับความระมัดระวังมาก เพราะอาจมีการเดินเหยียบบ่อยๆ สาเ
หตุนี้แก้ไขได้ด้วยการลอกหน้าหินออกด้วยการขัดหน้าหินใหม่ ซึ่งการขัดหน้าหินใหม่นั้นต้องอาศัยเครื่องขัดความเร็วรอบต่ำ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรอยเป็นวงหรือเป็นรอยขนแมว
- รอยแตกร้าวหรือเป็นรูที่หินอ่อน สาเหตุเกิดจากการกระแทกหรืออาจมีของเหลวตกใส่ สามารถแก้ไขได้ด้วยการอุดรอยแตกร้าวด้วยโพลีเอศเตอร์เรซิ่นหรือเปลี่ยนแผ่น หินใหม่
- ปูนยาแนวหลุด สาเหตุอาจเกิดมาจากน้ำยาเคมีหรือการกัดเซาะของน้ำ แก้ไขด้วยโพลีเอสเตอร์เรซิ่นหรือปูนยาแนวสีเดิม
- คราบเครื่องดื่ม สาเหตุอาจมาจากชากาแฟหรือน้ำซึม ซึ่งมักพบว่าเกิดกับหินอ่อนมากที่สุด การแก้ไขนั้นทำได้ด้วยการขัดลอกหน้าออกแล้วเคลือบใหม่ หรือป้องกันโดยการหันมาใช้ที่รองแก้วในการดื่มเครื่องดื่ม หากมีการหกเลอะ ควรรีบทำความสะอาดโดยการเช็ดออก เพราะธรรมชาติของหินเป็นรูพรุนจึงทำให้น้ำซึมซับได้เร็วมาก
- สีของหินเปลี่ยนและขุ่นมัว เกิดจากการที่ฝุ่นและคราบฝั่งอยู่ในหินที่เคลือบแว๊กซ์ และแว๊กซ์หลุดล่อนดังนั้นการแก้ไขต้องลอกแว๊กซ์ออก ขัดเงาและลงน้ำยาเคลือบเงาตาม
- สีของหินเปลี่ยน เกิดจากความชื้นซึมขึ้นมาจากด้านล่าง มักพบในบ้านที่เกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อยหรือมีปริมาณความชื้นใต้ดินสูง ซึ่งความด่างในปูนจะทำปฏิกิริยากับเนื้อหินทำ
ให้เป็นรอยด่างและเปลี่ยนสีไปในที่สุด การแก้ปัญหานั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุ โดยการรื้อออกเปลี่ยนใหม่ และแก้ปัญหาเรื่องความชื้นซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพหน้างานดังนั้นการขัดหน้าหิน อาจไม่ช่วยอะไร เพราะรอยเกิดจากการร้าวที่ด้านหลัง
- หินหลุดล่อน สาเหตุเกิดจากความชื้นหรือการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน การแก้ไขถ้าเป็นงานใหม่ต้องมีการรื้อออก สาเหตุมักมาจากความชื้น การแก้ปัญหาคือ ต้องรื้อออกปรับ
แก้เรื่องความชื้น

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

การ ศึกษาข้อดี และข้อเสีย

การ ศึกษาข้อดี และข้อเสีย เพื่อเปรียบเทียบระหว่างหินแกรนิต กับหินอ่อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ สามารถเลือกชนิดหินได้เหมาะสมกับโครงการของคุณ หินอ่อนอาจดูสวยงาม แต่มันก็มีข้อเสียของมัน มีหลายคนที่เลือกใช้หินอ่อน หรือหินแกรนิตในการตกแต่งภายใน หินเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านของเรา ด้วยความที่มันมีลวดลายและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ มันจึงถูกใช้ในการตกแต่งบ้านอย่างมากมาย แต่ถึงแม้ว่าหินเหล่านี้จะสวยงามขนาดไหนก็ตาม คุณมีความรู้เกี่ยวกับมันมากพอที่จะจัดวางมันในตำแหน่งที่เหมาะสมในบ้านแล้ว หรือยัง?

คุณทราบข้อแตกต่างระหว่างหินพวกนี้หรือเปล่า? เราจะมาดูความแตกต่างของหินแกรนิตกับหินอ่อนกัน

หินแกรนิต เป็นหินแข็งที่มีความทนทานมาก ส่วนใหญ่ทำมาจากแร่ควอตซ์และไมก้า โดยการหลอมที่ความร้อนสูง สีและลวดลายของหินแกรนิตจะถูกกำหนดโดยความเร็วในการทำให้เย็นและปริมาณของ แร่ควอตซ์และไมก้าที่มีในหินแต่ละชิ้น

ข้อดีและข้อเสียของหินแกรนิต หินแกรนิตถือว่าเป็นหินที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งในการตกแต่งบ้าน เนื่องจากหินแกรนิตทนต่อการขีดข่วน คุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ ไม่เป็นรอยคราบเปื้อน แตก หรือไหม้แค่นี้ก็ทำให้มันเป็นหินที่ใช้กันทั่วไปในบ้านในปัจจุบัน มันมีสีที่สวยงามและช่วยเพิ่มความงามให้กับพื้นที่โดยรอบการใช้หินแกรนิตจะ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขอนามัยตราบใดที่คุณทำความสะอาด มันเป็นประจำสำหรับข้อเสียของหินแกรนิตนั้นไม่มีเลย จึงไม่น่าแปลกที่เจ้าของบ้านต่างก็นิยมใช้หินแกรนิต

ข้อดีและข้อเสียของหินอ่อน หินอ่อนต่างจากหินแกรนิตตรงที่มันไม่ทนต่อรอยขีดข่วน ที่จริงแล้วหินอ่อนเป็นรอยข่วนได้ง่ายมาก และยังเป็นรอยคราบเปื้อนได้ง่ายอีกด้วยหากคุณใช้หินอ่อนในห้องครัว คุณต้องระวังให้มากเพราะมันสามารถเป็นรอยไหม้ได้ ดังนั้น ความร้อนและรอยคราบเปื้อนจึงสามารถทำให้ความสวยงามของหินอ่อนหมดไปได้ สำหรับ ข้อดีของการใช้หินอ่อนนั้น ไม่มีอะไรนอกจากที่ว่ามันสวยงามน่ามอง ความเรียบของหินอ่อนนั้นสวยงาม จนเป็นที่นิยมใช้ในงานแกะสลักที่มีชื่อเสียง ในการเลือกใช้หินทั้งสองชนิดในการตกแต่งบ้านนั้น สามารถเลือกใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด มีหลายคนชอบใช้หินเหล่านี้ในห้องครัว เช่น เป็นพื้นบนเคาน์เตอร์และโต๊ะอาหาร หรือโต๊ะในห้องรับแขก บางครั้งอาจใช้เป็นส่วนประกอบของผนังบ้านก็ได้ ห้องน้ำก็เป็นอีกที่ในการใช้หินเหล่านี้ตกแต่ง การใช้หินอ่อน หรือหินแกรนิตจะช่วยเพิ่มความหรูหราและความซับซ้อนให้กับบ้านของคุณ และเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับบ้านของคุณได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ข้อเสียจากการใช้งานพื้นหินอ่อน

ข้อเสียจากการใช้งานพื้นหินอ่อน

พื้นหินอ่อนเมื่อมีการถูกใช้ไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว มักจะเกิดการเปลี่ยนสีขึ้น เหตุเนื่องจากสภาพการใช้งานและสภาพอากาศ แรงกระแทก รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ด้วย
ซึ่งมีวิธีการแก้ไข  ดังนี้
- ถ้าหากพื้นหินอ่อนของบ้านคุณผิวไม่เรียบ เดินบนพื้นหินอ่อนแล้วมีการสะดุดให้ดำเนินการแก้ไขด้วยการปรับระดับหน้าหิน อ่อน แต่ถ้าเป็นมากให้ติดต่อช่างผู้ที่มีความชำนาญงานในเรื่องพื้นหินอ่อนโดย เฉพาะ จากบริษัทผู้ผลิต ผู้ขายหินอ่อน หรือร้านรับติดตั้งพื้นหินอ่อน ให้ทำการรื้อพื้นหินอ่อนออกทั้งหมดแล้วจึงทำการปรับระดับพื้นหินอ่อนใหม่
- ปัญหาพื้นหินอ่อนด้าน หมดความเงางาม และมีรอยขีดข่วนเนื่องจากการใช้งาน ให้แก้ไขด้วยวิธีการลอกหน้าหินอ่อนโดยการขัดหน้าหินอ่อนใหม่ ซึ่งในการขัดหน้าหินอ่อนใหม่นี้จะต้องใช้ความเร็วรอบที่ต่ำ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขนแมวและรอยเป็นวง
- ถ้าพื้นหินอ่อนมีรอยแตกร้าว ให้ทำการอุดรอยแตกนั้นด้วยโพลีเอสเตอร์เรซิ่นหรือทำการเปลี่ยนแผ่นหินใหม่ก็ได้
- ปูนยาแนวหลุดร่อน แก้ไขโดยยาแนวใหม่ด้วยปูนยาแนวสีเดิม
- สีของหินอ่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงและขุ่นมัว โดยเกิดจากฝุ่นที่ฝังอยู่ในหินอ่อนเคลือบแวกซ์ แก้ไขโดยการลอกแวกซ์ออก แล้วทำการขัดเงาและลงน้ำยาขัดเงาตามหลัง
ทั้งนี้คุณสามารถขอรับคำเสนอแนะในการใช้งานพื้นหินอ่อนได้จากแหล่งซื้อ ขายหินอ่อนที่มีอยู่ทั่วไป 




วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

การใช้งานสีกรดย้อมคอนกรีต


• Concrete Acid Stain •
——————————————————-
สีกรดย้อม : เป็นสีย้อมผิวคอนกรีตที่มีค่าความเป็นกรดด่างน้อยกว่า 7(pH<7) ซึ่งเมื่อทาลงพื้นผิวที่มีความเป็นด่าง (pH >7) เช่น คอนกรีตหรือผิวปูนซีเมนต์ที่แห้ง และแข็งตัวเต็มที่ หรือพื้นผิวที่มีซีเมนต์เป็นส่วนประกอบ สีกรดย้อมคอนกรีต จะแทรกซึมเข้าไปในพื้นผิวและเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ทำให้สีติดแน่นคงทนไม่หลุดล่อน ตราบเท่าความคงทนของพื้นผิวนั้นๆ คือ หากพื้นผิวชำรุดแตกหักเท่านั้น สีกรดย้อมก็จะหลุดตามพื้นผิวนั้นเอง

เคาท์เตอร์ทอป
• สีกรดย้อมคอนกรีตงานตกแต่ง เคาเตอร์ ครัว •
———————————————————-
   สีกรดย้อมคอนกรีตสีกรดย้อมคอนกรีตเป็นท๊อปปิ้งซีเมนต์ ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษ สามารถแทรกซึมและยึดเกาะพื้น ผิวคอนกรีตได้ดีให้ความโปร่งแสงของสีที่ย้อมหรือทึบแสงได้ตามต้องการ สามารถออกแบบลวดลาย สีได้ตามต้องการกลิ่นเบา บางไม่ส่งกลิ่นรบกวนผู้ใช้ อีกทั้งยังเป็นระบบน้ำซึ่งปลอดภัยต่อผู้ใช้และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

เคาท์เตอร์ทอป
• การใช้งานสีกรดย้อมคอนกรีต •
——————————————————-
วิธีใช้ สามารถใช้ได้โดยตรงไม่ต้องเจือจาง โดยการทาด้วยแปรงลูกกลิ้งหรือพ่น สามารถผสมสีก่อนการย้อม หรือในขณะที่ทำงานได้ สามารถเพิ่มความเข้มของสีได้ตามที่ต้องการ โดยการเพิ่มจำนวนครั้งที่ย้อม สีของพื้นผิวซีเมนต์มีผลต่อสีกรดที่ย้อมจึงควรทดลองย้อมลงพื้นที่เล็กๆก่อน การทำงานจริง สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกความคงทนสีขึ้นอยู่คุณภาพพื้นผิวคอนกรีต พื้นที่ใช้งาน 1 ลิตรสามารถครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 25-30 ตรม. โดยประมาณ
——————————————————————–

สีกรดย้อมคอนกรีต

การทำสีกรดย้อมบนพื้นคอนกรีต

สีกรดย้อมคอนกรีต  ACID COLOR STAIN
  สี กรดย้อม เป็นเทคนิคเก่าแก่ในการทำสีบนผิวคอนกรีตโดยมีส่วนผสมของน้ำ, กรด และ เกลืออนินทรีย์ เป็นตัวเกิดปฏิกิริยากับส่วนของปูนซีเมนต์ และเมื่อนำไปทาบนผิวคอนกรีต (ปูนซิเมนต์แข็งตัว) ก็จะทำให้เกิดสีขึ้น สีที่เกิดจะติดแน่น มีความโปร่งใส การเกิดสีจะเป็นไปตามผิวคอนกรีตใหม่เก่า และปริมาณอัตราส่วนของซีเมนต์ที่ใช้
สี กรด เมื่อทาลงพื้นผิวคอนกรีตหรือผิวปูนซีเมนต์ที่แห้ง และแข็งตัวเต็มที่ หรือพื้นผิวที่มีซีเมนต์เป็นส่วนประกอบ สีจะแทรกซึมเข้าไปในพื้นผิวและเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ทำให้สีติดแน่น คงทนไม่หลุดล่อน ตราบเท่าความคงทนของพื้นผิวนั้นๆ

ขั้นตอนการทำสีกรดย้อมบนพื้นคอนกรีต
1.ทำความสะอาดพื้นผิวที่ต้องการย้อม และใช้ดินสอหรือชอล์กวาดแบบ กรณีที่พื้นไม่เรียบให้ปรับให้เรียบอาจใช้วิธีขัดหรือฉาบใหม่
2.ใช้เลื่อยตัด(ลูกหนู)ตัดไปตามแบบที่วาดไว้ ไม่ควรให้ล่องลึกมาก
3. ลงสีกรดย้อมบริเวณทีต้องการ ด้วยแปรง การพ่น ผ้า หรือฟองน้ำโดยลงที่ละชั้น ลงสีอ่อนก่อนลงสีเข้ม
5.เมื่อ ลงสีครบตามต้องการ ปล่อยทิ้งให้แห้งและใช้น้ำเปล่า หรือน้ำผสมด่าง เช็ดล้างผิวอีกครั้งเพื่อขจัดเกลือที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาและขจัดสีที่ เหลือจากการทำปฏิกิริยา 6.ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งจากนั้นทาเคลือบผิวหน้าด้วยน้ำยาเคลือบใส(clear sealer)ตามต้องการ ปล่อยให้แห้ง
4) ปล่อยให้สีชั้นแรกแห้งก่อนที่จะลงสีชั้นอื่นๆ ซึ่งแต่ละชั้นต้องแห้ง ก่อนลงชั้นต่อไป